อาการของคนไข้ที่เป็นริดสีดวง
1. เป็นระยะแรก ๆ มักไม่แสดงอาการ และคนไข้มักไม่ค่อยรู้สึกอะไร เพราะระยะนี้ มันไม่แสดงอาการ ส่วนน้อยมากที่จะรู้ว่าตัวเองเป็น เช่น ไปตรวจโรคอื่น ๆ ที่ รพ. แล้วหมอใจดีตรวจโรคนี้ให้ จึงพบว่าเป็น แต่โดยทั่ว ๆ ไปมักไม่แสดงอาการอะไรให้เรารู้ว่าเราเป็นริดสีดวงแล้ว
2. ระยะนี้คนไข้มักมีอาการบ้างแล้ว เช่น ปวดถ่วง ๆ ในรูทวาร ตึง ๆ หน่วง ๆ ลึก ๆ ในรูทวาร หลังการขับถ่ายมักปวดถ่วง ๆ เหมือนถ่ายไม่ค่อยสุด ถ่ายเสร็จแล้ว มักจะมีอาการปวดถ่วง ๆ หน่วง ๆ รูทวารอยู่ระยะนึง ประเดี๋ยวประด๋าวก็หายไปเอง โดยไม่ต้องทำอะไร
3. ระยะนี้คนไข้จะเริ่มมีอาการเพิ่มมากขึ้น ปวดมากขึ้น ถ่วง หน่วง เจ็บ แสบ บางรายปวดจนไข้ขึ้นก็มี ส่วนใหญ่คนที่เป็นถึงขั้นนี้ ตัวโรคมักเป็นมานานพอสมควร สะสมมากมาก ๆ ตัวโรคยิ่งขยายใหญ่ขึ้นจะกดเส้นประสาท จึงทำให้ปวด อาการจึงเริ่มประทุออกมา อาการที่เป็นมักส่งผลกับการใช้ชีวิตประจำวัน เช่น การถ่ายไม่สุด เหมือนมีอะไรติดก้น ต้องเบ่งถ่ายนาน ๆ ถ่ายเสร็จจะเจ็บหรือปวดหรือถ่วงมากกว่าปกติ บางทีปวดมากจนไปทำงานไม่ได้ก็มี
4. ระยะนี้ตัวโรคมักจะใหญ่มาก ๆ คนไข้รู้ตัวดีว่าตัวเองเป็น แต่ส่วนใหญ่ไม่พบหมอ ตัวโรคมักเรื้อรังมาก ๆ และที่สำคัญ ระยะนี้มักไม่ค่อยปวด อาการที่ไม่ค่อยปวดนี่แหละน่ากลัว เพราะคนไข้ระยะนี้มักจะคิดว่าไม่ปวดแล้ว แค่มีก้อน ๆ ติ่ง ๆ ยื่นออกมา ไม่เห็นต้องทำอะไรก็ได้ เดี๋ยวมันก็ดีขึ้น จึงเลยปล่อยปะละเลย และไม่ใส่ใจที่จะรักษา ระยะนี้ตัวโรคมักมีขนาดใหญ่ ขยายตัวออกมามาก ๆ เป็นก้อนเป็นติ่งขอบเขตมักจะกว้าง การที่ตัวโรคมันขยายใหญ่มาก ๆ และเป็นมานานมาก ๆ มันกดทับเส้นประสาททำให้เส้นประสาทบริเวณรอบ ๆ ทวารเสียไป ทวารเลยขยายตัว ไม่ค่อยหดกลับ หย่อนยานออกเรื่อย ๆ
5. ระยะนี้คือระยะสุกงอม มักมีโรคแทรกซ้อนมา ติดเชื้อแบคทีเรียลุกลาม แผลเปื่อย ติดเชื้อหูดหงอนไก่ เน่า มีหนอง มีกลิ่นเหม็น ๆ มีเลือดช้ำ ๆ ออกมา ช้ำเลือดช้ำหนอง บางรายระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เนื่องจากอายุคนและอายุโรคผสมกัน สุดท้ายกลายเป็นโรคไม่พึงประสงค์ที่ใคร ๆ ก็ไม่อยากเป็น เช่น เนื้อร้าย มะเร็ง
เครดิตภาพ : www.jjtoy.com